เมื่อ 600 ปีที่ผ่านมาเป็นยุค Muromachi (ประมาณ พศ.1338-1573) ช่วงที่ญี่ปุ่น ยังยึดติดเรื่องศักดินา
อิค คิว ซัง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเณรน้อยหลังจากโชกุน Yoshimitsu Ashikaga ต้องการจะรวมประเทศญี่ปุ่น ในศตวรรษที่ 15 มีพระในนิกายเซนถือกำเนิดขึ้นที่ใคร ๆ รู้จักในนาม "Ikkyu San (อิคคิว ซัง)" ผู้ฉลาดหลักแหลม เขาเกิดในปี 1394 และตายในปี 1481 ด้วยวัย 87 ปี พ่อของเขาคือจักรพรรดิ์ Gokomatsu ซึ่งมีชายาสองฝ่ายคือ Nantyo (ชายาฝ่ายใต้) และ Hokutyo (ชายาฝ่ายเหนือ) แม่ของอิคคิวคือ Nantyo ภรรยาลับ ๆ ของจักรพรรดิ์ Gokomatsu พระองค์เกรงอำนาจของชายาฝ่ายเหนือ Hokutyo แม่ของอิคคิวจึงต้องออกจากราชวังตั้งแต่ Ikkyu ยังไม่เกิด พระจักดิ์พรรคส่งเจ้าชายและชายา ฝ่ายใต้ (แม่ของอิคคิว) มาจากพระราชวัง โชกุน Ahikaga จึงเปลี่ยนชื่อให้เจ้าชายน้อยว่า Ikkyo การ์ตูนเรื่องนี้พยายามจะนำเสนอ การใช้ชีวิตของ อิคคิว ในวัดและต้องคอยต่อสู้กับลูกสาวพ่อค้า Yayoi ที่คอยเอาเปรียบวัด รวมถึงเรื่องศาสนา มีทั้งมุขตลกสำหรับเด็ก ๆ และเรื่องรวมความซาบซึ่งต่าง ๆ ไว้ครบ
เมื่ออิคคิว เกิดและอายุได้ 6 ปี อิคคิวได้บวชเรียนในวัดนิกายเซ็นในเกียวโตชื่อวัด "Ankokuji (อังโคะคุจิ)" อิคคิวฝึกตนค่อนข้างจะเข้มงวด จากหลวงพ่อของวัดอังโคะคุจิถึง 10 ปี รอบ ๆ ตัวของอิคคิวมีแต่ขุนนางชั้นสูงในสมัยนั้น ต่างก็เสแสร้ง และหลอกลวง ไม่จริงใจกับอิคคิว พวกขุนนาง เมื่ออิคคิวอายุได้ 16 ปี เขาเริ่มทนไม่ได้กับความเสแสร้างไม่จริงใจของพวกขุนนาง อิคคิวได้ออกจากวัดอังโคะคุจิ หลังจากนั้นชีวิตของอิคคิวก็พบกับความทุกข์ยากแสนสาหัส อิคคิวได้เป็นนักเรียนของ Kenou Osyou ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงทางด้านศาสนาของนิกายเซนจนกระทั่งอิคคิวเสียชีวิต เมื่อมีอายุได้ 87 ปี ในปี 1481 ชีวิตของอิคคิวนั้นได้ทำให้ทุกคนเห็นว่าเขามีฐานะเป็นถึง เจ้าชาย ในจักรพรรษดิ์ แต่ว่าอิคคิว ไม่เคยสนใจยศศักดิ์ ตำแหน่ง ความร่ำรวม เกียรติยศเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการเริ่มต้นของความสกปรก ความโลภ จิตใจของอิคคิวบริสุทธิ์และไม่สนใจกับเกียรติยศใด ๆ
รูปท่านอิ๊คคิว ตัวจริง
(เครดิตจาก อินเตอร์เนท)
ประวัติ...อิคคิวซัง
อิ๊ก คิวซังมีชื่อในวัยเด็กว่า "เซนงิกามารุ" เกิด 1 ม.ค. ค.ศ.1349 หรือ พ.ศ.1892 เมืองซะกะโน ใกล้เมืองเกียวโต พ่อเป็นจักรพรรดิฝ่ายเหนือ แม่เป็นเจ้าหญิงในราชวงศ์ฝ่ายใต้ซึ่งถูกขับจากวังตั้งแต่อิ๊กคิวซังยังไม่ คลอด
เพราะถูกฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายป้ายสี ต่อมาทรงให้อิ๊กคิวซังบวชที่วัดอังโกะกุจิตอนอายุได้ 6 ขวบ เพื่อหนีภัยการเมืองได้ฉายาว่า "ชูเคน"ท่านตั้งอกตั้งใจศึกษาพระธรรม ความเจ้าปัญญาฉายแววขึ้นตามอายุ
ในวัยประมาณ 10 ขวบ อิ๊กคิวซังแต่งกลอนวิพากษ์วิจารณ์ความประพฤติที่ไม่เหมะสมของพระภิกษุนิกาย หนึ่งที่กอบโกยทรัพย์สินยศฐาบรรดาศักดิ์บนความทุกข์ยากของชาวบ้านพออายุ 13 ปี มีโอกาสเข้าพบแม่ทัพใหญ่ชื่อ "อาซิคะงะโยชิมิสึ"หรือ "ท่านโชกุน" ในการ์ตูน อายุได้ 17 ปี อิ๊กคิวซังได้ออกจากวัดอังโกะกุจิฝากตัวเป็นศิษย์ของ "หลวงพ่อเคนโอ"ที่วัดไซกอนจิ ได้ฉายาว่า "โชจุน" ที่วัดแห่งนี้หลวงพ่อเคนโอเน้นการปฏิบัติโดยต้องทำงานอย่างหนักและต้องอยู่ กับสิ่งสกปรกเสียเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาหลวงพ่อมรณภาพอิ๊กคิวซังจึงเดินทางไปวัด"อิชิยามา" อดอาหาร 7 วัน 7 คืน สวดมนต์อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้อาจารย์ต่อหน้าพระโพธิสัตว์ด้วยความเสียใจ นี้เอง จึงคิดฆ่าตัวตายระหว่างที่เดินลงไปแม่น้ำเซตะ อิ๊กคิวซังจึงอธิษฐานจิตว่า"ถ้าพระโพธิสัตว์ต้องการให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ ก็ขอให้ข้าพเจ้าฆ่าตัวตายไม่สำเร็จแต่หากชีวิตข้าพเจ้าไร้ซึ่งคุณค่าเสีย แล้ว ข้าพเจ้าขออุทิศสังขารให้เป็นอาหารของปลาและสัตว์น้ำ " ระหว่างที่ดิ่งลงในท้องน้ำ อิ๊กคิวซังก็นึกถึงหน้าท่านแม่และคำสอนขึ้นมาทันใด"เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ ย่อท้อ " อิ๊กคิวซังจึงตะเกียกตะกายกลับขึ้นฝั่งหลังจากนั้นท่านอายุได้ 23 ปี ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ"คะโซ"แห่งวัดโคอัน ซึ่งเป็นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์แต่พอใจที่จะใช้ชีวิตอย่างสมถะและพอใจใน วัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และหนักหน่วงอิ๊กคิวซังต้องทำงานทั้งวัน และปฏิบัติอย่างหนักหน่วง นอกจากใช้แรงงานในวัดแล้ว อิ๊กคิวซังยังต้องสานรองเท้า เย็บเสื้อผ้าตุ๊กตาผู้หญิง และออกไปขายแรงงานในหมู่บ้านละแวกนั้น ซ้ำยังโดนพระรุ่นพี่ที่ไม่ชอบหน้ากลั่นแกล้ง ทำร้าย เตะต่อยอยู่เสมอ แต่อิ๊กคิวซังก็อดทนในที่สุดความพยายามที่จะค้นหาสัจธรรมก็สำเร็จ เมื่ออิ๊กคิวซังสามารถแก้ปริศนาธรรมที่หลวงพ่อคะโซตั้งไว้ได้สำเร็จ ด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น
และที่นี่เองที่"พระโชจุน"ได้รับฉายาใหม่ ว่า "อิ๊กคิว โซจุน"หมายความว่า "รู้พ้นจากโลกสมมติตามบัญญัติของลัทธิเซน " อิ๊กคิวซังน่าจะเป็นพระภิกษุที่บรรลุธรรม เมื่ออายุยังน้อยที่สุดรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา
เพราะว่าท่านสามารถ บรรลุธรรมในขณะที่นั่งสมาธิบนเรือริมฝั่งทะเลสาบ"เหตุแห่งความทุกข์และความ เศร้าหมองที่เกิดขึ้นในชีวิต ล้วนเกิดจากจิตที่เต็มไปด้วยอัตตา"คือแก่นธรรมที่ท่านค้นพบ เมื่อทราบว่า อิ๊กคิวซัง สามารถบรรลุแก่นธรรม หลวงพ่อคะโซมีความประสงค์ที่จะมอบใบสำเร็จเปรียญธรรม และตำแหน่งเจ้าอาวาสให้อิ๊กคิวซังสืบทอดแต่อิ๊กคิวซังปฏิเสธด้วยเหตุผล ว่า"ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสมมติ"ท่านจึงออกธุดงค์ กระทั่งอายุ 34 ปี อิ๊กคิวซังมีโอกาสเข้าเฝ้าท่านพ่อ ซึ่งเป็นองค์จักรพรรดิ ชีวิตช่วงนี้เองที่เป็นที่กล่าวขวัญถึง และขยาดหวาดกลัวและเกลียดชังจากภิกษุด้วยกัน อิ๊กคิวซัง เคยไปร่วมงานครบรอบวันมณภาพของพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งด้วยสภาพมอมแมมสกปรกจีวร หลุดลุ่ยพร้อมทั้งด่าทอพระที่มือถือสากปากถือศีลเพราะในสมัยนั้นมีพระภิกษุ ชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากที่ทำตัวเคร่งพระวินัยถึงขนาดบอกว่าผู้หญิงเป็นมารศาสนา แต่ว่ากลับลักลอบให้แม่เล้า-แมงดานำโสเภณีมาบำเรอถึงในกุฏินอกจากนี้อิ๊กคิว ซังยังต่อต้านพระผู้มีอิทธิพลมีหลายรูปที่หลอกชาวบ้านว่าจะสามารถบรรลุธรรม ได้หากบริจาคปัจจัยให้พระมากๆ อิ๊กคิวซังปฏิเสธสังคมพระในขณะนั้นอย่างรุนแรงและทำทุกอย่างที่ถือว่าเป็น อาบัติเช่นดื่มสุรา เล่นการพนันฉันเนื้อสัตว์(????)ไม่โกนผมและหนวดเคราเดินเข้าออกซ่องโสเภณี อย่างเปิดเผยเป็นว่าเล่น
การกระทำแบบนี้อิ๊กคิวซังต้องการต่อต้านและ เสียดสีรวมทั้งสั่งสอนพระจอมปลอมในยุคนั้นให้ละอายกับการลวงโลก อิ๊กคิวซังคบหาและปฏิบัติกับโสเภณีอย่างเปิดเผยสุภาพและให้เกียรติเคยแบ่ง ส้มจากบาตรให้
เคยปีนเขาเสี่ยงตายไปหาสมุนไพรมารักษาโสเภณีที่ป่วยหนักแม้ว่าต่อมาจะเสียชีวิตก็ตาม
เมื่อท่านอายุได้ 75 พรรษา ระหว่างที่ธุดงค์เร่ร่อนหลบภัยสงครามภายในประเทศมาอยู่ที่เมืองซึมิโยชิ
ท่าน ได้พบกับ"โมริ" ศิลปินขอทานตาบอดซึ่งภายหลังท่านได้รับนางเป็นภรรยาทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วม กันคืนเดียวโมริก็หนีไปเพราะเกิดความอับอายและเกรงว่าตนเองจะทำให้อิ๊กคิว ซังเสื่อมเสียชื่อเสียงแต่นางก็กลับมาหาอิ๊กคิวอีกหนเพราะไม่สามารถดำรง ชีวิตลำพังได้ในสภาวะสงคราม
เมื่ออายุได้ 85 พระจักรพรรดิแต่งตั้งให้อิ๊กคิวซังเป็น เจ้าอาวาสวัดไดโตะกุจิซึ่งเป็นวัดหลวงที่สำคัญที่สุดใน สมัยนั้นเมื่อไม่สามารถขัดพระราชประสงค์ได้อิ๊กคิวซังจึงยอมรับตำแหน่งแต่ เพียงแค่วันเดียวก็ลาออกกลับมาอยู่วัดเมียวโชจิ ที่ท่านสร้างจวบจนวาระสุดท้าย หลังจากกลับมาอยู่วัดนี้ ได้เพียง 2 ปีท่านเป็นมาเลเรีย ท่านละสังขารในท่านั่งสมาธิ ในอ้อมกอดของโมริ ภรรยาสุดที่รัก ในเวลา 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1481 หรือ พ.ศ.2024 เมื่ออายุได้ 88 ปี
ขอบคุณบล็อกคุณภาพ : http://www.oknation.net/blog/pakapoo/2008/11/13/entry-1